ราคาทองคําวานนี้ ปิดปรับตัวลดลง 13.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั่วโลก รวมไปถึงทัศนะเชิงบวกเกี่ยวกับสงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ เป็นปัจจัยหลักที่กดดันสินทรัพย์ปลอดภัยในวงกว้าง ทั้งเยน, ทองคําและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ นั้นเป็นปัจจัยหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ให้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์จนเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคําเพิ่มเติมประกอบกับวานนี้ สกุลเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าจากการร่วงลงของค่าเงินยูโรอันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB หรือ DEPOSIT RATE และอาจประกาศรื้อฟื้นมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีกครั้งในการประชุมที่กําลังจะเสร็จสิ้นลงในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งการอ่อนค่าของสกุลเงินยูโรส่งผลเชิงลบต่อราคาทองคํา อย่างไรก็ดี เมื่อราคาทองคําอ่อนตัวลงก็มักจะมีแรงช้อนซื้อสลับเข้ามา ส่วนหนึ่งเพราะนักลงทุนบางส่วนยังคงไม่แน่ใจนักว่า ท้ายที่สุดแล้วการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่มีกําหนดจะจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนหน้าจะมีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมใดๆหรือไม่ ทําให้ราคาทองคํายังคงทรงตัวในกรอบ สําหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในภาคการผลิต ที่มา ylgbullion.co.th